
ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 3 ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อม! รัฐเปิดให้ ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 3 โดยแจกเงินจำนวน 3,000 บาท อีกทั้งหมด 16 ล้านคน คาดว่าพร้อมเปิดเดือน มิ.ย. 64 นี้แน่นอน
ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟสที่ 3 ที่หลายไ คนเฝ้ารอไกล้มาถึงเเล้ว ซึ่งโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ดีขึ้นมาบ้างฃ โดยทางรัฐนั้นจะเสนอ ครม. ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ 2564 นี้ คนละ ครึ่ง เฟส 3 เริ่ม วัน ไหน
รายละเอียด เบื้องต้นของ ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 3
- งบประมาณที่ใช้นั้นคาดว่าสูงถึง 93,000 ล้านบาท
- ประชาชนที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ เปิดโอกาสให้ ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 31 ล้านคน
- ดำเนินการในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้ คาดว่าหนา้จะเป็นช่วง (เดือน ก.ค.-ธ.ค. 64)
- เป็นการจ่ายร่วมระหว่างรัฐกับประชาชน ให้กับผู้ที่มีสิทธิรับโครงการคนละครึ่งผ่านแอปฯ เป๋าตัง จำกัดใช้ได้วันละ 150 บาท หรือ 50% คนละ ครึ่ง เฟส 3 วัน ไหน

เปิดลงทะเบียนเมื่อไหร่?
- ภายในเดือน มิ.ย. 64 คือ กำหนดการเปิดลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com
- เริ่มรับวงเงินโครงการคนละครึ่งผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังได้ใน เดือน ก.ค. 64
- ผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟสที่ 1 และ เฟสที่ 2 ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
คุณสมบัติ
- ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนและเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย
- จะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- ต้องไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ต้องไม่ใช่ผู้ที่ได้รับสิทธิมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ คนละ ครึ่ง เฟส 3
ลงทะเบียน “คนละครึ่งเฟสที่ 3” โดยรัฐบาลแบ่งจ่าย 2 รอบ “คลัง” ชง ให้เงินเพิ่ม โครงการ “เราชนะ”กลุ่มเปราะบาง ไปจนถึง ผู้ที่ถือบัตรคนจน
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 มีรายงานความคืบหน้า ถึงมาตรการ การเยียวยาสถานการณ์โควิด – 19 ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ดังกล่าว ในระลอกที่ 3 นี้ ซึ่งสถานการณ์ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง กลับพบจำนวนผูู้ติดเชื้อยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน โดย มีรายงานคลัสเตอร์ใหม่มาเกือบทุกวัน ดังนั้น มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ก็ได้อนุมัติหลักการ มาตรการเยียวยาประชาชน โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งเฟสที่ 3

(เงื่อนไขการใช้สิทธิ โครงการคนละครึ่ง เฟสที่ 1 และ เฟสที่ 2)
ในความคืบหน้าเรื่องนี้ น.ส.กุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า กระทรวงการคลังนั้น จะนำเสนอรายละเอียดของ 4 โครงกานี้ เพื่อเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชน เพื่อการกระตุ้น ฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยให้ทาง ครม.พิจารณา หลักอนุมติแล้ว
1. โครงการเติมเงินให้ผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน
รายละเอียดโครงการนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิมีจำนวนทั้งหมด 13.65 ล้านคน รัฐบาลให้เงินเพิ่ม เดือนละจำนวน 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน โดยใช้งบประมาณอยู่ที่ 1.64 หมื่นล้านบาท
2.โครงการเติมเงินให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือว่าเป็นผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งต้องเคยเข้าร่วมโครงการเราชนะแล้ว รวมทั้งกลุ่มผู้พิการ และ ผู้สูงอายุ หรือ กลุ่มเปราะบาง
ผู้ได้รับสิทธิทั้งหมดจำนวน 2.5 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ใช้งบประมาณอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท
3.โครงการคนละครึ่ง เฟสที่ 3
รายละเอียดโครงการ ผู้ได้รับสิทธิมากถึง 31 ล้านคน โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ได้สิทธิคนละครึ่งเฟส1 และคนละครึ่งเฟส 2 มาแล้วจำนวน 15 ล้านคน เปิดให้ประชาชนที่ไม่ได้รับสิทธิ์รอบที่แล้วมาลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส3 รายใหม่ อีกจำนวน 16 ล้านคน
วิธีลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 3
สำหรับลงทะเบียนนั้นจะแบ่งเป็น 2 ช่องทาง ดังนี้
1. ผู้ที่มี G -wallet อยู่แล้ว สามารถลงทะเบียนผ่านช่องทาง G -wallet ได้เลยด้วยตัวเอง
2. ผู้ที่ไม่มี G -wallet สามารถลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com และ เมื่อได้รับสิทธิ์แล้วจะต้องไปยืนยันตัวที่ธนาคารกรุงไทยตามขั้นตอน
หากเลือกมาตรการใดมาตรการหนึ่งแล้ว จะต้องสละสิทธิ์โครงการอื่นๆ อย่างเช่นโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
ให้สิทธิคนละ 3,000 บาท โดยรัฐบาลจ่ายให้วันละ 150 บาท ผู้ได้รับสิทธิต้องจ่ายเองเพิ่มอีก 150 บาท
เงินคนละครึ่งจำนวน 3,000 บาท ที่ให้สิทธินั้น จะแบ่งเป็น 2 ช่วง
ก.ค. – ก.ย. 64 ใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส 3 ได้จำนวน 1,500 บาท
ต.ค. – ธ.ค. 64 ใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส 3 ได้อีกจำนวน 1,500 บาท
4.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ กระตุ้นการบริโภคในประเทศ โดยผ่านผู้ที่มีกำลังซื้อ และ สนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภายในเดือน มิ.ย. 64
กลุ่มเป้าหมายรับสิทธิทั้งหมดจำนวน 4 ล้านคน โดยเปิดให้ลงทะเบียนผ่าน www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ในการรับสิทธิใช้ E- voucher สามารถใช้จ่ายค่าสินค้า อาหาร ค่าเครื่องดื่ม และ ค่าบริการ ต่างๆ ได้ ยกเว้น ลอตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำมัน และ ก๊าซสำหรับยานพาหนะ ค่าบริการนำเที่ยว ค่าที่พัก และค่าตั๋วเครื่องบิน ในอัตราที่ 10-15% สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ใช้งบประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท