
จากกรณีที่ ปุ๊กลุกฝนทิพย์ ได้ออกมาเผยว่า คุณแม่ของเธอล้มหัวกระแทกพื้น จนหมดสติและเลือดไหล แต่การแพทย์ไม่สามารถช่วยได้ทันใจ คนยกแม่ลงจากรถงก ๆ เงิ่น ๆ กดแตรเรียกหน้าห้องฉุกเฉินกว่าจะออกมาก็นาน แต่เมื่อหมอปั๊มหัวใจคุณแม่ขึ้นมาได้แล้ว ปุ๊กลุกกลับไม่ขอโทษที่เคยต่อว่าโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ แต่กลับขอบคุณพระเจ้าซะอย่างนั้น
ปุ๊กลุก ได้ออกมาแจ้งข่าวว่า คุณแม่ของปุ๊กลุกล้มหัวกระแทกพื้น สลบ และหยุดหายใจ เลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ปากม่วง ทางครอบครัวจึงพาคุณแม่ขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล ระหว่างที่อยู่บนรถก็พยายามโทร. หาโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ว่ารบกวนช่วยส่งรถฉุกเฉินมารับได้ไหม หากขับรถสวนกันจะได้ให้คุณแม่ขึ้นรถพยาบาลแทน เพราะมีรถพร้อมกว่า
แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่มีรถ ดังนั้นทางปุ๊กลุกจึงบอกว่า ให้ช่วยเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เพราะถ้ามาถึงจะได้พาคุณแม่เข้าห้องฉุกเฉินเลย ประมาณ 10-15 นาทีถึงโรงพยาบาล กลับไม่พบว่ามีใครอยู่ตรงห้องฉุกเฉินเลย จึงกดแตรเรียกประมาณ 30 วินาที ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ ประวัติ
ก็มีคนออกมาแบบไม่กระตือรือร้น คนนั้นเดินออกมาคนเดียว พอมาเห็นคุณแม่ก็เรียกเพื่อนออกมาอีกคน และกว่าจะเข็นเตียงมาถึง และบอกให้ถอยรถอยู่นั่น และพอจะยกแม่ พนักงานก็ยกงก ๆ เงิ่น ๆ จนปุ๊กลุกต้องบอกว่า “พี่คะออกแรงหน่อยได้ไหม หนูตัวเล็กกว่าพี่ยังยกแม่มาได้เลย” ซึ่งพอด่าแล้วมีแรง ยกแม่ขึ้นได้
พอเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ได้ปั๊มหัวใจช่วยคุณแม่ ตนจึงถามพนักงานที่รับโทรศัพท์ว่า ตนโทร. มาเมื่อ 15 นาทีก่อน ทำไมไม่เตรียมเตียงให้พร้อม ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์มาสแตนด์บาย พนักงานก็แจ้งว่าเจ้าหน้าที่เดินไปเข็นเตียง ปุ๊กลุกเลยสวนกลับว่า เข็นเตียงอะไรตั้ง 15 นาที ใกล้แค่นี้ สิ่งที่คุณเตรียมให้เราคือแบบนี้เหรอ มีห้องฉุกเฉินทำไมถ้าไม่มีอะไรพร้อม ปุ๊ ก ลุก ฝน ทิพย์ ig
ปุ๊กลุกบอกต่อว่า โรงพยาบาลล้อเล่นกับชีวิตคน ถ้าเป็นครอบครัวของคุณบ้างจะทำอย่างไร และขอเตือนว่า ใครจะซื้อบ้านให้ดูด้วยว่าใกล้โรงพยาบาลที่จะรักษาชีวิตคนได้ดีกว่านี้ โรงพยาบาลที่กระตือรือร้น โรงพยาบาลเหมือนเปิดเพื่อหาเงิน และถ้าบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ได้รักในอาชีพ ก็ลาออกไปเถอะ และถ้าโรงพยาบาลไม่มีศักยภาพในการช่วยเหลือคนไข้ที่ใกล้เสียชีวิต ก็ปิดห้องฉุกเฉินไปเลย เราเลือกฝากชีวิตคนที่เรารักในมือคุณ แต่คุณกลับมาทำแบบนี้
ต่อมา ปุ๊กลุกได้มาอัปเดตอาการว่า ทางแพทย์ได้พยายามปั๊มหัวใจคุณแม่จนฟื้น แต่คุณแม่ยังอาการโคม่าและได้ย้ายคุณแม่มาอยู่ที่ รพ.บำรุงราษฎร์ หมอบอกว่าคุณแม่เส้นเลือดใหญ่แตก กระโหลกร้าว สมองบวม เนื่องจากหยุดหายใจนานเกินไปอย่างไรก็ตาม ปุ๊กลุกได้พยายามสวดภาวนาวิงวอน ขอให้คุณแม่กลับมา และบอกว่า “ในความเชื่อของปุ๊กลุก และมั่นใจว่าพระเจ้าช่วยให้แม่กลับมามีลมหายใจ พระเจ้ายิ่งใหญ่จริง ๆ” ปุ๊กลุกฝนทิพย์ ig
ปุ๊กลุกบอกอีกว่า ตนเชื่อว่าคุณแม่จะฟื้นด้วยคำอธิษฐานของทุกคน และขอฝากชีวิตคุณแม่ไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ตนเชื่ออย่างหมดใจว่าพระเจ้าจะทำให้คุณแม่ฟื้น และฝากทุกคนที่เป็นคริสเตียนช่วยกันภาวนาด้วย

หลังปุ๊กลุกโพสต์ข้อความทั้งหมด ปรากฏว่าถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาวทวิตเตอร์ในหลายประเด็น เริ่มที่การกล่าวขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยทำให้แม่ฟื้น ซึ่งชาวทวิตเตอร์บางคนมองว่า เธอควรกล่าวขอบคุณหมอที่ช่วยชีวิตแม่ของเธอด้วย
นอกจากนี้ บางคนยังมองว่า การที่ปุ๊กลุกจะไม่ขอบคุณแพทย์และพยาบาล รวมถึงบุคลกรที่ปั๊มหัวใจช่วยคุณแม่จนฟื้นได้ คงไม่มีใครว่า แต่การมาด่าแบบสาดเสียเทเสียแบบนี้ไม่สมควร เล่นละครมากไปหรือเปล่า ถึงคิดว่าโรงพยาบาลและการทำงานของแพทย์จะเหมือนในละคร
นอกจากนี้ยังมีบางความเห็นที่มองว่าเธอกำลังใช้อภิสิทธิ์ความเป็นดาราในโรงพยาบาล ทั้งที่หมอและพยาบาลต่างทำงานอย่างหนักในช่วงโควิดระบาด และเวรดึกในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ถูกลดคน ห้องฉุกเฉินบางแห่งเหลือบุคลากรเพียงไม่กี่คน ปุ๊ ก ลุก ฝน ทิพย์ รวย ไหม
และได้มีคนเข้ามาให้ความรู้ว่า ถ้ามีใครป่วยเป็นอะไรขึ้นมา และต้องการรถฉุกเฉินให้โทร 1669 ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ไปโผล่ที่ห้องฉุกเฉิน และบอกว่าแจ้งทุกอย่างเอาไว้แล้ว แจ้งอะไร ทั้งชื่อ นามสกุล เกิดเหตุมานานแค่ไหน อาการเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ และที่บอกว่าไม่มีรถ เพราะไม่มีหน่วยกู้ชีพ EMS ที่สามารถส่งรถออกไปรับได้ แต่สามารถรับผู้ป่วยฉุกเฉินที่รถ EMS นำมาส่งได้ตลอด ไม่อย่างนั้นจะมีฉุกเฉินไว้ทำไม
การพาคนไข้มาโรงพยาบาลนั้นมี 2 วิธี คือ ให้รถไปรับ กับพาคนไข้มาเอง ซึ่งการที่พาคนไข้มาเองค่อนข้างเสี่ยงในกรณีที่เป็นอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนสมอง เสี่ยงต่อการบาดเจ็บไขสันหลังระดับคอ อาจถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิต แนะนำว่าให้โทร. 1669 และช่วยเหลือคนไข้ตามที่เจ้าหน้าที่ในสายบอกจะดีกว่า แต่การที่ปุ๊กลุกบอกว่าจะขับรถมาเจอกันครึ่งทาง ไม่มีที่ไหนทำกัน
ส่วนที่พนักงานค่อย ๆ เดินมา เพราะไม่มีใครทราบว่าคนไข้กำลังจะตาย อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาห้องฉุกเฉิน ยังไม่มีการประเมินอะไรสักอย่าง และจริง ๆ แล้ว การที่คุณแม่ซึ่งน่าจะหัวใจหยุดเต้น กระทบกระเทือนทางสมอง ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที แต่ทีมบุคลากรทางแพทย์ที่เข้าเวรดึก สามารถช่วยเหลือทุกอย่างจนหัวใจเต้นอีกครั้งใน 10 นาที ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว
ส่วนที่พนักงานงก ๆ เงิ่น ๆ เพราะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อาการหนักต้องระมัดระวังอย่างมาก ซึ่งอาจต้องระวังว่ากระดูกสันหลังจะหัก และคาดว่าคุณแม่ อาจจะหัวใจหยุดเต้นตั้งแต่อยู่ที่บ้าน จนล้มหัวฟาดพื้น ซึ่งถ้าประสานหน่วยกู้ชีพ เขาจะบอกให้ทำ CPR ตั้งแต่ที่บ้าน รูปปุ๊กลุก ฝนทิพย์
ขณะเดียวกันก็มีแฟน ๆ เข้ามาให้กำลังใจสาวปุ๊กลุกกันเป็นจำนวนมาก และร่วมอธิษฐานขอให้คุณแม่อาการดีขึ้นโดยเร็ว ส่วนประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้น นางเอกสาวบอกว่าวันหนึ่งคงได้มีโอกาสอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียด และต้องกราบขอโทษที่ไม่สามารถทำให้เข้าใจได้ทุก ๆ คน แต่สำหรับตอนนี้คุณแม่คือหัวใจหลัก ต้องมีพลังที่ดีที่จะพูดคุยกับท่าน อธิษฐานให้แม่ทุก ๆ เวลา และทาง รพ. แรกก็ได้ขอโทษและรับปากว่าจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้นแล้ว
ทางด้าน ปุ๊กลุกฝนทิพย์ กล่าวว่า”วันนี้อาการคุณแม่ดีขึ้นมานะคะชีพจรเต้นดีขึ้น, สามารถสอดท่ออาหารได้แล้ว คุณแม่ยกแขนขึ้นมาหลายครั้งคุณหมอบอกว่าเป็นสัญญาณที่ดี ที่ดีใจมากๆคือ ตั้งแต่แอดมิดมา คุณแม่สามารถหายใจเองได้แล้วในวันนี้วันแรกค่ะ จากปกติ 18 คือระดับของเครื่อง แต่ตอนนี้คือ 23 แต่ยังคงต้องอธิษฐานเผื่อคุณแม่ให้ฟื้นตัวขึ้นมาค่ะ
ขอบพระคุณคุณหมอ และ พยาบาลทุกท่านที่ดูแลคุณแม่เป็นอย่างดีมากๆ กราบขอบพระคุณคุณไทยทุกท่านที่อธิษฐานเผื่อ อวยพร ให้คุณแม่ เชื่อว่าคุณแม่ลุกฟื้นตัวขึ้นมาเพราะพลังจากทุกๆคนค่ะขอบพระคุณพระเจ้าที่ตอบคำอธิษฐานของเราและให้เรามีกำลังใจ เพราะการนั่งอยู่ข้างๆเตียงที่สายระโยงระยาง พระเจ้าเป็นที่พักพิงใจว่ามันไม่ได้น่ากลัว แต่มีความหวังในใจขึ้นมาสำหรับประเด็นที่ถกเถียงกันต่างๆนาๆ วันนึงคงได้มีโอกาสอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียดและต้องกราบขอโทษคนไทยทุกคนที่ไม่สามารถทำให้เข้าใจได้ทุกๆคน แต่สำหรับตอนนี้ คุณแม่คือหัวใจหลักที่ต้องมีพลังที่ดี ที่จะพูดคุยกับแม่ อธิษฐานให้แม่ทุกๆเวลา
ส่วนคุณหมอที่โรงพยาบาลแรก ครอบครัวเราขอบคุณต่อหน้าคุณหมอหลายต่อหลายครั้งค่ะ พี่สาวบอกว่าคุณหมอตัวเล็กแต่แทรกตัวมาพยายามอุ้มคุณแม่ คุณหมอมีจิตวิญญาณและจรรยาบรรณที่พวกเรากราบขอบพระคุณค่ะ รวมถึงบุคลากรทุกคนที่ช่วยปั๊มหัวใจคุณแม่ ทางรพ.แรกได้ขอโทษและรับปากว่าจะนำเรื่องแจ้งเข้าที่ประชุมเพื่อพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น สุดท้ายกราบขอบพระคุณคนไทยทุกคนที่รัก และช่วยเหลือ ซัพพอร์ตคนไทยด้วยกัน ขอบพระคุณจากหัวใจจริงๆค่ะ หากมีโอกาสอะไรที่สามารถช่วยเหลือและรับใช้ในวันข้างหน้า จะทำให้ดีและเต็มที่ที่สุดเพราะรู้ว่าพลัง และ กำลังใจที่คนไทยทุกท่านมีให้คุณแม่ ปุ๊กลุก และครอบครัวยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ”